วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

week 10

Week10: Enterprise Systems (SCM & ERP)
                ระบบสารสนเทศภายในองค์กรจะแบ่งตามแผนกต่างๆภายในองค์กร เนื่องจากแต่ละแผนกจะมีความต้องการข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้มีระบบที่ถูกใช้งานในแต่ละส่วนงานแตกต่างกัน แต่สำหรับ Enterprise Systems เป็นระบบที่มีความเป็นมาตรฐาน ทำให้ทั้งองค์กรพูดคุยกันด้วยภาษาเดียว แต่เนื่องจากตัวระบบมีราคาแพง อาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุนในบริษัทเล็กๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระบบที่ใช้จะสร้างความไม่สบายใจให้กับบุคลากรเดิมขององค์กรที่ถนัดและคุ้นเคยกับการใช้ระบบแบบเดิมจึงทำให้การเปลี่ยนจากระบบเดิม มาใช้ระบบ Enterprise นั้นอาจทำได้ยาก
                ระบบที่จะศึกษาในวิชานี้มี 4 ระบบคือ
ERP: Enterprise Resource Planning
CRM: Customer Relationship Management
KM: Knowledge Management Systems
SCM: Supply Chain Management Systems

1. Supply Chain Management Systems
                                เป็นระบบที่ใช้ในการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นของการผลิต คือการรับวัตตุดิบจาก Supplier ซึ่งอาจมีได้มากกว่า 1 ขั้น ไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการคือการขายสินค้าให้กับลูกค้า ระบบสารสนเทศจะช่วยให้การส่งต่อข้อมูล และการรายงานผลเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ซึ่งในระบบนี้จะมีระบบย่อยต่างๆที่ใช้เสริมการทำงาน เช่น
                -Warehouse Management System (WMS) เป็นระบบที่ใช้การงานภายในคลังสินค้า ว่าควรจะจัดชั้นวางสินค้าอย่างไร และมีการเก็บข้อมูลว่าสินค้าใดอยู่ส่วนไหนของคลัง
                -Inventory Management System (IMS) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลสินค้าที่มีอยู่ในคลังสินค้า
                -Fleet Management System เป็นระบบติดตามสินค้าว่าสินค้าจัดส่งไปถึงที่ไหน รวมถึงทราบถึงว่าจะขนสินค้าใดกลับมาที่คลังสินค้า ทำให้สามารถรายงานการขนส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
                -Vehicle Routing and Planning เป็นระบบที่ใช้ในการวางแผนการจัดส่งสินค้าให้มีความคุ้มค่าสูงสุด
                - Vehicle Based System เป็นระบบที่ใช้ติดตามรถที่ใช้ขนส่งผ่าน GPS
10 IT Trends for Logistics Supply Chain Management
1.                   Connectivity: การเชื่อมต่อต่างๆ เช่น wireless  Bluetooth หรือ GPRS 8.02.11n (เป็นระบบคล้าย wifi แต่มีความเร็วที่สูงกว่า คือมีความเร็วประมาณ 600 Mbit/s หรือเร็วกว่า internet ที่ใช้ในบ้านประมาณ 10 เท่า)
2.                   Advanced Wireless : Voice & GPS เป็นระบบ Wireless ที่สามารถใช้เสียงในการสั่งการได้
3.                   Speech Recognition: การสั่งงานด้วยเสียง 
4.                   Digital Imaging: การประมวลผลภาพดิจิตอล สามารถทำให้เอกสารเป็นดิจิตอล เช่น ส่งใบเสร็จรับเงินเป็นไฟล์ได้
5.                    Portable Printing: ช่วยให้สามารถพิมพ์ใบสั่งซื้อ ใบเสร็จได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
6.                   2D & other bar-coding advances
7.                   RFID: เป็นชิพขนาดเล็ก สามารถปล่อยคลื่นจากตัวเองได้ สามารถใช้ติดบัตร หรือติดกับตัวสินค้าเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบได้
8.                    Real Time Location System; RTLS: ระบบแสดงตำแหน่งตามเวลาจริง สามารถใช้ติดตามสินค้าที่กำลังขนส่ง หรืออาจใช้ในการติดตามตัวสินทรัพย์ได้
9.                    Remote Management : การจัดการทางไกล เป็นระบบที่ช่วยให้สั่งงานได้ในระยะไกล โดยมีการใช้ Wireless LAN ช่วย
10.                Security: ระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายไร้สาย
การมีระบบ Supply Chain ที่ดีช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มีการเก็บสินค้าคงคลังน้อยลง ลดความเสี่ยงในการสูญเสียสินค้าในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพด้วย และที่สำคัญคือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้สูงขึ้นในอนาคต
Enterprise Resource Planning (ERP) Systems
                Software เหล่านี้ มักจะนำมาใช้ทีละ module โดยใช้ควบคู่ไปกับระบบเก่า เพื่อไม่ให้พนักงานต้องเรียนรู้มากเกินไป และค่อยๆปรับตัวได้ ซึ่งการปรับใช้ทันทีจะเกิดปัญหากับพนักงานได้ ตัวอย่างผู้ให้บริการระบบ ERPเช่น SAP, Oracle เป็นต้น
                โดย Software เหล่านี้ถึงแม้จะมีประโยชน์ที่สูง แต่มักจะมีราคาที่แพง และก่อนที่นำมาใช้งานก็จะต้องมีการปรับปรุงหน้าต่างเครื่องมือต่างๆ ให้เข้ากับระบบการใช้งานของบริษัทก่อน ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมในองค์กรขนาดเล็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น