วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Class 7

Class 7: M-Commerce

                เป็นยุคต่อไปของ E-commerce เนื่องจากการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นมีความจำเป็นน้อยลงจากการเพิ่มขีดความสามารถของโทรศัพท์มือถือ (Mobile) ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในระดับที่เพียงพอ (เล่น internet, ฟังเพลง, ใช้งาน office โปรแกรมเล็กน้อย) ทำให้การสื่อสานผ่านสื่อโทรศัพท์มือถือมีระดับการเข้าถึงลูกค้าได้สูงขึ้น ประกอบการที่โทรศัพท์มือถือมีราคาที่ถูกลง มีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีเครือข่ายที่ใช้เชื่อมต่อ internet รองรับมากขึ้น ยิ่งจะส่งผลให้การใช้โทรศัพท์มือถือนั้นมีความนิยมมากขึ้นไปอี

                ปัจจุบันนอกจากโทรศัพท์มือถือจะใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารแล้ว ยังมีการเพิ่มความสามารถต่างๆเข้าไปอย่างมากมายเช่น ฟังเพลง ถ่ายรูป chat หรือการเล่น internet ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มการขายสิ่งต่างๆที่ใช้ร่วมกับโทรศัพท์มากขึ้น ทั้งบริการโหลดเพลง ริงโทน ค่าบริการจากการเชื่อมต่อ internet เป็นต้น ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆนั้นสามารถเพิ่มยอดขายได้ เช่น อุตสาหกรรมเพลงที่มีการสร้างรูปแบบในการหารายได้ใหม่จากการขายเพลงเป็นแผ่น ทั้งอัลบั้ม ก็เปลี่ยนเป็นการขายเพลงทีละเพลง เพื่อให้ตรงความต้องการของผู้ฟังมากขึ้น หรือการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือที่เริ่มมีความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่น่าเชื่อถือเรื่องความปลอดภัยอยู่บ้าง

ตัวอย่างของการทำรายได้ผ่านโทรศัพท์
  • Mobile Shopping
  • Mobile Banking
  • Information based service
  • Mobile Auction
  •  Mobile Travel information and booking


โครงสร้างพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือ
  • WAP (Wireless Application Protocol) - เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับการสื่อสารผ่านเครือข่าย
  • Markup language - เช่น WML, XHTML
  • Mobile Development - เช่น .NET compact, JAVA ME, Python
  • Mobile Emulators – ตัวช่วยที่ทำให้โปรแกรมจากเครื่องเล่นชนิดอื่นใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องอื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องต้นแบบได้ เช่น Emu ของเครื่องเกม playstation ที่ทำให้เล่นเกมนั้นบนคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น
  • Microbrowsers เป็นระบบปฎิบัติการที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ เช่น Android, Safari, IE Mobile, Firefox Mobile
  • HTML5 เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้หน้าเว็บสามารถเปลี่ยนแปลงเองจากการพัฒนาเพิ่มเติมของผู้พัฒนาได้ ซึ่งจะง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น แตกต่างจากเทคโนโลยีเดิมที่ผู้ใช้จะต้องทำการพัฒนารุ่นของการใช้ขึ้นให้ทันผู้พัฒนา


ตัวอย่างของบริษัทที่ใช้การทำการตลาดจากโทรศัพท์มือถือ
  • Apple
              การที่ iPhone เป็นที่นิยมและครองตลาดได้นั้น เนื่องจากใช้การขาย content ให้กับผู้ใช้บริการผ่าน iTunes ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้ามาพัฒนา application ที่จะใช้งานด้วย ทำให้ตรงตามความต้องการลูกค้า เพิ่มความซื่อตรงต่อตราสินค้ามากขึ้น รวมถึงการใช้เครือข่ายผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่อยากเปลี่ยนจากเครื่องเดิมที่ใช้อยู่ และเมื่อมีคนใช้งานมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ทำให้ผู้ใช้งานได้หามาใช้เพิ่มขึ้น เช่น case (หน้ากาก) โทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ apple สามารถที่จะครองตลาดโทรศัพท์ในปัจจุบันได้

                นอกจากนี้ในปัจจุบันก็เริ่มมีอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อ Internet และความสามารถที่หลากหลายมากขึ้น เช่น  iPad, Samsung Galaxy, Blackberry Playbook ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยในการผลักดันตลาดของการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถใกล้เคียงคอมพิวเตอร์มากขึ้นในอนาคต

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

week 6

Week6: E-business and E-commerce

                ปัจจุบันโลกธุรกิจนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาสื่ออีเล็กโทรนิกส์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆให้มากขึ้น โดยการทำการตลาดบนหน้าเว็บไซต์ผ่านทาง Internet ซึ่งบางบริษัทก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากเช่น
                DELL บริษัทที่เริ่มจากการขายคอมพิวเตอร์ตามความต้องการของลูกค้า สามารถที่จะกำหนด spec ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตนเองต้องการได้ ปัจจุบัน DELL เน้นการขายให้กับลูกค้าที่เป็นองค์กร เน้นไปทางปริมาณการขายมากกว่ากำไร และในปัจจุบัน DELL นั้นมีการขายสิ่งอื่นๆเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย
                Amazon เริ่มต้นจากการขายหนังสือเพียงอย่างเดียว จากการที่ปริมาณขายของตลาดหนังสือเป็นไปตาม power-law distribution เนื่องจากมีหนังสือซึ่งฮิตจริงๆ อยู่ไม่กี่ปก (เช่น Harry Potter, Rich Dad Poor Dad) โดยแต่ละเล่มขายได้เป็นล้านๆ เล่ม และมีหางที่ยาวออกไป นั่นก็คือมีหนังสือที่แต่ละปกพอขายได้มีอีกเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากร้านหนังสือนั้นมีเนื้อที่ไม่เพียงพอที่จะเก็บหนังสือได้ทั้งหมด จึงมักเก็บไว้เฉพาะเล่มตรงบริเวณหัวที่เชื่อว่าจะขายได้ แต่ร้านขายหนังสืออินเตอร์เน็ตไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนหนังสือบนชั้น จึงได้เปรียบเพราะสามารถเปิดตลาดในส่วนหางที่ยาวได้อย่างสบาย(Long tail) ทำให้กิจการนั้นเติบโตขึ้น ปัจจุบันนี้ Amazon มีสินค้าหลากหลายชนิดมากขึ้นและสามารถที่จะจัดส่งสินค้าไปในประเทศต่างๆได้มากมาย ทำให้มีการขยายฐานลูกค้าไปได้อีกด้วย
                EBay เป็นเว็บไซต์ที่มีการสร้างรายได้จากการเก็บค่านายหน้าหรือค่าพื้นที่ในการขาย รวมถึงมีการประมูลสินค้าต่างๆด้วย ใน EBay นั้นมีสินค้าหลากหลายประเภทมากซึ่งลูกค้ามักจะหาสินค้าที่มีราคาถูกจากประเทศที่มีความแตกต่างด้านค่าเงิน หรือราคาขายของสินค้าที่อยู่คนละประเทศ
                นอกจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการใช้  Internet แล้ว ก็ยังมีบริการอื่นๆบนโลกออนไลน์ที่มีไว้เพื่อบริการในส่วนที่แตกต่างกันออกไปเช่น การโฆษณาผ่านทางหน้าเว็บไซต์ดังๆ (Facebook), การสร้างเว็บที่มีไว้เพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้า (Bartering online), บริการcatalog ออนไลน์, เว็บที่ให้บริการในการจ่ายชำระค่าสินค้าโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้เลขบัตรเครดิตไป (paypal) หรือเว็บไซต์ที่จะช่วยจับคู่คนสมัครงานและบริษัทที่รับสมัครพนักงานให้ได้ เป็นต้น

ประโยชน์ของการใช้ E-commerce
  •  ช่วยให้บริษัทสามารถติดต่อกับลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
  • ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท และยังทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
  • ลูกค้าก็มีหลายทางเลือกและสามารถหาข้อมูลราคาสินค้าต่างๆได้ง่ายขึ้น
  • ในส่วนของ Social network ก็ทำให้คนรู้จักกันมากขึ้นผ่านทางเพื่อนของเพื่อน เป็นต้น

ข้อจำกัดในการใช้ E-commerce
  • หากใช้ระบบที่แตกต่างกันอาจจะทำให้ติดต่อกันยาก
  • มีปัญหาเรื่องของ Hacker ที่จะเจาะระบบและนำข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญไปใช้ในทางที่ไม่ดี


               
                

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

week 5

Class 5: Information Technology Economics

                ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาที่จำเป็นมากต่อการดำเนินธุรกิจ ด้วยความสามารถในการประมวลผล และช่วยลดความผิดพลาดจากการบันทึกรายการลงบนกระดาษ หลายๆองค์กรจึงลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้โดยที่บางครั้งอาจไม่ได้คิดว่าองค์กรจะได้รับประโยชน์จากการใช้งานเทคโนโลยีนั้นๆอย่างไรบ้าง
                          จากความน่าจะเป็นทั่วๆไปแล้วหากองค์กรนำเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆเข้ามาใช้ในองค์กรก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กรได้ และยิ่งลงทุนกับเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรมากขึ้นตามไปด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วผลงานวิจัยบางชิ้นนั้นไม่สามารถวัดผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศได้ หรือ ไม่สามารถที่จะวัดประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆมาใช้ได้ ซึ่งความขัดแย้งนี้ถูกเรียกว่า Productivity Paradox
                ถึงแม้ว่าบางครั้งจะไม่สามารถวัดประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศได้ แต่ Lucas (2005) ก็ได้แยกแยะให้เห็นถึงประโยชน์ในการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศใน 2 ด้านคือ ผลกระทบทางตรง เช่น ต้นทุนทางตรงที่ลดลง, การเพิ่มรายได้ หรือกำไรที่เพิ่มขึ้น และ ผลกระทบทางอ้อม เช่น ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นขององค์กร อย่างไรก็ตามการที่จะลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศก็มีความจำเป็นที่จะต้องวัดผลประโยชน์จากการลงทุนและต้นทุนที่ต้องเสียไปเพื่อที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าควรจะลงทุนในเทคโนโลยีนั้นๆหรือไม่
                         การประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีวิธีต่างๆมากมายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมซึ่งแสดงในตารางดังนี้
วิธีที่เลือกใช้
ข้อดี
ข้อเสีย
Internal rate of return (IRR)
- ทำให้ทุกๆการลงทุนนั้นสามารถเปรียบเทียบกันได้
- การจะเปรียบเทียบได้นั้นจะต้องมีอัตราผลตอบแทนที่เท่าๆกัน
- อาจมีหลายคำตอบ
Net present value (NPV)
ใช้กันโดยทั่วไป สามารถที่จำคำนวณยอดผลตอบแทนที่มากที่สุดได้
- ไม่สามารถใช้เปรียบเทียบกับโครงการที่จำนวนเงินลงทุนแตกต่างกันมากๆได้
Payback period
- อาจคำนึงถึงค่าเงินตามเวลาหรือไม่ก็ได้ และสามารถวัดความเร็วของกระแสเงินเข้าได้
- มองข้ามกระแสเงินสดที่จะเข้ามาหลังจากที่เกินจุดคุ้มทุนไปแล้วซึ่งอาจจะมีมูลค่ามาก
Benefit-to-cost analysis or ratio
สามารถเปรียบเทียบกันแต่ละการลงทุนได้
- แยกแยะยากระหว่างค่าใช้จ่ายและเงินลงทุน
Economic value added
วัดค่าผลตอบแทนที่สร้างขึ้นเพื่อผู้ถือหุ้น
- คำนวณหากำไรที่แท้จริงได้ยาก

                นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆที่สามารถใช้วัดประโยชน์จากการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศอีกเช่น TCO, Benchmarks, Balance scorecard เป็นต้น
                การตัดสินใจที่จะลงทุนหรือไม่ลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลจากการวิเคราะห์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องพึ่งอำนาจตัดสินใจจากผู้บริหารระดับสูงด้วย ผู้บริหารเองจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลด้านเทคโนโลยีต่างๆอยู่เสมอ และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เข้าใจถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสื่อสารไปถึงกลุ่มลูกค้าเช่น การโฆษณาผ่านทาง facebook นอกจากนี้ยังอาจช่วยในการดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนให้คนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น คล้ายกับนโยบายประหยัดพลังงานของการไฟฟ้าที่จำให้ใช้ไฟฟรีจนถึงหน่วยหนึ่ง เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมกับการใช้ สร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้กับองค์กรนั่นเอง